นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผอ.การท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ด่านตรวจคนเข้าเมือง และด่านศุลกากร ร่วมกันพิจารณาพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยสังเกตการณ์จากผู้โดยสารที่เดินทางมาจากไทเป เพื่อกำหนดกระบวนการให้บริการผู้โดยสารให้เกิดความสะดวก รวดเร็วที่สุด เตรียมพร้อมรองรับจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากจีนเปิดประเทศ
นายวิจิตต์ เปิดเผยว่าปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีเส้นทางบินตรงระหว่างประเทศ 11 เส้นทาง ได้แก่ อินชอน สิงคโปร์ ไทเป หลวงพระบาง ดานัง ฮานอย ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ ปูซาน โฮจิมินห์ และย่างกุ้ง ให้บริการโดย 12 สายการบิน ส่วนเส้นทางบินจากจีนแผ่นดินใหญ่ จะเริ่มทำการบินในวันที่ 18 มกราคม ศกนี้ โดยสายการบินจุนเหยา จะทำการบินเส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ และในวันที่ 20 มกราคม สายการบินสปริงแอร์ จะทำการบินเส้นทาง กวางโจว-เชียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีสายการบินที่อยู่ระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาตทำการบินอีก 4 สายการบิน ได้แก่ สายการบินแอร์ไชน่า เส้นทาง ปักกิ่ง-เชียงใหม่ สายการบินเสฉวน เส้นทาง เฉินตู-เชียงใหม่ สายการบินไชน่าอีสเทิน เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ และสายการบิน สายการบินสปริงแอร์ เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ ทั้งนี้ในปี 2562 ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทชม.มีเส้นทางบินตรงไปยังเมืองต่างๆ ของจีนทั้งสิ้น 19 เส้นทาง มีผู้โดยสารชาวจีนเฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 คน และมีจำนวนผู้โดยสารชาวจีน ผ่านเข้าออกช่องทาง ทชม.ในปี 2562 กว่า 1.78 ล้านคนสำหรับการตรวจคัดกรองผู้โดยสารชาวต่างชาติ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมที่จะดำเนินการตามมาตรการของรัฐบาล โดยจะคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้โดยสารและผู้ปฏิบัติงาน ควบคู่ไปกับความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ