นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารและเจ้าของปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นำช้างในปางช้างแม่สา 11 เชือก ร่วมกับกลุ่มชนเผ่าดาราอั้ง ชนเผ่ากระยอ พิธีเกี่ยวข้าวและนวดข้าวเหนียว ในพื้นที่นาปลูกข้าวกว่า 15 ไร่ โดยพิธีเริ่มต้นด้วยการบอกกล่าวพระแม่โพสพ พระแม่ธรณีเจ้าที่ ก่อนที่กลุ่มชนเผ่าดาราอั้ง ร้องเพลงนางฟ้า ซึ่งเป็นเพลงพื้นเมืองดั้งเดิมของชนเผ่า ที่ทำให้กิจกรรมปลูกข้าวเกี่ยวข้าวได้ผลผลิตที่ดีก่อนที่บรรดาช้างจะนวดข้าวโดยลงมายังลานตากข้าวแล้วช่วยกันเหยียบให้เมล็ดข้าวร่วงออกจากรวงจากนั้นจะเก็บข้าวเปลือกมารวมกัน เพื่อนำไปตำข้าวหรือทำการสีข้าว ซึ่งผลผลิตทั้งหมดจะนำไปเลี้ยงช้างจำนวน 70 เชือกในปางช้างแม่สาต่อไป
นางอัญชลี เปิดเผยว่าปางช้างแม่สา ก่อตั้งปี พ.ศ. 2519 รวมเป็นระยะเวลา 45 ปี จนถึงปัจจุบันก่อนหน้าที่จะมีปัญหาโรคไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นนั้น ปางช้างแม่สาเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นของประเทศไทย รวมถึงเคยโด่งดังจากการบันทึกสถิติโลกกินเนสเวิลด์เรคคอร์ดในเรื่องรูปวาดโดยฝีมือช้างที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ในราคา 1.5 ล้านบาท พอมาในยุคโควิ ปางช้างประสพปัญหาไม่มีนักท่องเที่ยว รายรับเป็นศูนย์ แต่รายจ่ายคงเดิม แต่ช้าง และคนงาน ก็ต้องกินข้าวกันทุกวัน ทางเราจึงคิดวิธี ลดภาระค่าใช้จ่ายโดยการปลูกข้าวและพืชผักไว้เป็นอาหาร สำหรับเลี้ยงคนและส่วนหนึ่งใช้เลี้ยงช้างด้วย ซึ่งอาหารที่ช้าง ชอบก็คือข้าวเหนียวนึ่งคลุกเกลือ ทางปางช้างจึงทำการปลูกข้าวเหนียว และทำการเก็บเกี่ยว และนำช้างมานวดข้าวเพื่อให้ได้เมล็ดข้าว ก่อนนำไปนึ่งคลุกกับเกลือให้ช้างได้กินซึ่งกิจกรรมนี้จะทำให้ช้างมีอาหารกินนานกว่า 100 วัน