จากกรณีมีการสู้รบกันระหว่างทหารกองพลน้อยที่ 5 กองกำลังกะเหรี่ยง KNU กันทหารเมียนมาสังกัดกองพันทหารราบที่ 73 (ฐานเซหมื่อท่า) ตรงข้ามชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ ทหารกะเหรี่ยงอิสระสามารถยึดอาวุธ ยุโธปกรณ์ และอุปกรณ์สื่อสารของทหารพม่าได้เป็นจำนวนมาก และทหารกะเหรี่ยงอิสระ KNU ได้ปฏิบัติการทางทหาร ต่อทหารพม่า สังกัดกองพันเคลื่อนที่เร็ว ที่ 341 ฐานตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยทางกลุ่ม KNU ได้ทำการซุ่มโจมตีทหารพม่ากองพันดังกล่าว เสียชีวิตไป 3 นาย และบาดเจ็บอีก 2 นาย ทำให้ทหารเมียนมานำกำลังบุกเข้าโจมตีทหารกะเหรี่ยงทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศ จนเป็นเหตุให้มีผู้อพยพในพื้นที่สู้รบในเขตประเทศเมียนมาอพยพหนีภัยสงครามเข้ามาอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำสาละวินชายแดนไทยในพื้นที่ อ.สบเมย และ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จำนวนหลายพันคน
ต่อมามีภาพทางการไทยได้ผลักดันผู้ที่หนีการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงเข้ามาฝั่งไทยพื้นที่สบแงะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีการผลักดันกลับไปฝั่งประเทศเมียนมา เมื่อเย็นวันที่ 29 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา หลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยชี้เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ต่อมาหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน อำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ชี้แจงว่าจากการประเมินสถานการณ์ชายแดน เห็นว่าเบาบางไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงได้มีการผลักดันกลับ หากสถานการณ์สู้รบกลับมารุนแรงอีกทางฝ่ายไทยก็พร้อมให้ที่พักกับผู้ที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาฝั่งไทย
นายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่าได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้านรองรับสถานการณ์ หลังจากที่มีประชาชนชาวกะเหรี่ยงตามพื้นที่ชายแดนในประเทศเมียนมาบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในพื้นที่ข้ามฝั่งมายังแนวตะเข็บชายแดนของประเทศไทยแล้ว โดยเข้ามาอยู่ในจุดแรกรับซึ่งกองกำลังนเรศวรควบคุมดูแลเป็นการรับเบื้องต้นโดยทางทหารก็มีกระบวนการและมาตรการดูแล หากสอบสวนแล้วอาจจะแค่ตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวก็จะให้กลับเข้าไปในเขตประเทศเมียนมาที่อยู่อาศัยเดิม แต่ถ้าหากผู้อพยพเหล่านี้ได้รับผลกระทบถึงขั้นอาจจะเสี่ยงต่อชีวิตทางเราก็จะดูแลไว้ในห้วงระยะเวลาหนึ่งตามหลักมนุษยธรรมตามสมควร และผู้อพยพเหล่านี้ยังอยู่ในการดูแลของทหาร ยังไม่ได้ส่งต่อให้ฝ่ายปกครองจังหวัดแต่เราก็ต้องเตรียมความพร้อมทุกด้านไว้ ส่วนความชัดเจนจากกระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงามเพิ่มเติมว่าการสู้รบระหว่างชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง KNU กับทหารเมียนมา ยังไม่มีรายงานกระสุนปืนเข้ามาตกในเขตไทยแต่อย่างใด โดยทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้นายอำเภอแต่ละอำเภอประสานงานกับฝ่ายทหารอย่างใกล้ชิดเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนไทยตามแนวชายแดน โดยล่าสุด มีชาวเมียนมาเชื้อสายกะเหรี่ยงอพยพเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สะเรียงจำนวนสองพันกว่าคนด้วยกัน