จากกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ หลังตรวจพบมีการทำความสะอาดพื้นที่เสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้แก่ ร้านโฮสต์บาร์ ย่านสันติธรรม ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ที่ผู้ติดเชื้อเดินทางไปตามไทม์ไลน์ที่เปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ และทางจังหวัดได้ออกตรวจสถานบันเทิงโดยกำชับให้ปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัด โดยขณะนี้หญิงสาว อายุ 29 ปี อยู่ในความดูแลของแพทย์ และมีการประกาศกลุ่มเสี่ยงผู้สัมผัสผู้ป่วยมากถึง 326 คน ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่าในกรณีเครสของหญิงสาววัย 29 ปีที่ป่วยเป็นโควิด รายใหม่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และมีการสอบสวนโรคว่าได้เข้ามาช่องทางที่จังหวัดเชียงราย โดยไม่ผ่านการตรวจโรคและกักตัว 14 วันตามกฏหมาย ตรงนี้ตนเองได้กำชับให้ผบก.เชียงราย และผบก.เชียงใหม่ เข้าไปตรวจสอบหาข้อมูล ว่าหญิงสาวคนดังกล่าวเข้ามาอย่างไรกันแน่ ผ่านจุดใด ทำไมเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจโรคและกักตัว ซึ่งหากลักลอบเข้ามมาก็ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย และดู พรบ.สาธารณสุข ว่าผิดกฏหมายข้อใดอีกบ้าง ซึ่งตรงนี้ขอเวลาตรวจสอบหาข้อมูล และได้กำชับให้ทุกด่านตรวจตามแนวชายแดนไทย-พม่า ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ห้ามการ์ดตก ให้เข้มงวดตามแนวชายแดนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ซึ่งจะเป็นการแพร่เชื้อโรคโควิด 19 ในพื้นที่
ด้าน ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์ที่ทุกคนทราบดีเรื่องการพบผู้ป่วย COVID-19 คนที่ 42 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหญิง อายุ 29 ปี ซึ่งประชาชนเมื่อทราบข่าวก็เป็นห่วง ทั้งภาคเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ตนอยากบอกว่าสถานการณ์ไม่รุนแรงอย่างที่ทุกคนคิดเพราะตอนนี้เราพบผู้ติดเชื้อแค่ 1 รายเท่านั้่นในส่วนของผู้ใกล้ชิดผู้สัมผัสผู้ป่วย เราได้มีการติดตามตัวทั้งหมดมาตรวจแล้ว ผลการตรวจเบื้องต้นทุกคนไม่พบเชื้อ รอผลการตรวจครั้งที่สอง เพื่อยืนยันอีกครั้ง นอกจากนี้กลุ่มเสี่ยงสูง เราก็ให้เข้าอยู่ในสถานกักกัน 14 วันตามกฏระเบียบ ส่วนกลุ่มความเสี่ยงต่ำเราก็ให้กลับบ้านและให้ดูแลตัวเอง และเราติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ส่วนทุกสถานที่ที่ผู้ติดเชื้อไป เราก็มีการประสานทุกหน่วยงานเข้าทำความสะอาด หากเราพบการติดเชื้อรายที่สองหรือรายที่สาม เราก็จะมีการยกระบบมาตราการมากขึ้น ซึ่งทุกคนหากมีอาการผิดปกติจะถูกตรวจหาเชื้อซ้ำและแยกกักในโรงพยาบาล ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) สสจ.เชียงใหม่ ขอประชาชนอย่างตื่นตะหนก จากเหตุการณ์ครั้งนี้เราก็พบว่าประชาชนเชียงใหม่การ์ดตก เพราะเวลาไปไหนมาไหนไม่ยอมสแกนโปรแกรมไทยชนะ ทำให้เราติดตามตัวได้ยากขึ้น จึงอยากวอนประชาชนทุกคนเวลาไปไหนมาไหนให้สแกนทุกครั้งเพราะเวลาเกิดเรื่องเราจะได้ติดตามตัวได้เร็วและรู้ความเคลื่อนไหวว่ามีใครอะไรอย่างไรบ้าง ซึ่งตอนนี้กิจกรรมการท่องเที่ยวกิจกรรมอื่นๆเราก็ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างปรกติ และเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชน ให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เข้ารับบริการสถานที่ต่างๆ ลงทะเบียนด้วย “ไทยชนะ” ทุกครั้งด้วย