แวดวงตำรวจ » สกู๊ปข่าว/ตร.ภาค5 ทลาย”แก๊งเชียงม่า” เครือข่ายฟอกเงินยาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ เงินหมุนเวียนกว่า 1 หมื่นล้านบาท

สกู๊ปข่าว/ตร.ภาค5 ทลาย”แก๊งเชียงม่า” เครือข่ายฟอกเงินยาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ เงินหมุนเวียนกว่า 1 หมื่นล้านบาท

25 มิถุนายน 2020
743   0

Social Share

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่าเราใช้เวลานานถึง 1ปี 6 เดือน ในการสืบสวนทลายแก๊งเครือข่ายฟอกและขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ แก๊งเชียงม่า หรือแก๊งเฮียช้าง นี้ได้ “บิ๊กจวบ” นายใหญ่ของตำรวจภาค5 เล่าว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.62 ที่ผ่านมาตำรวจเรา ได้ทำการตรวจยึดยาบ้า 9.4 ล้านเม็ด พร้อมสมุดบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาได้ในเขตพื้นที่ สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย หลังจากนั้นทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินเะชิงลึกของขบวนการผู้ค้ายาเสพติดดังแก๊งนี้โดยละเอียด พบว่า มีรับโอนเงินจากกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ ภาคกลางหลายครั้ง นอกจากจะมีการโอนเงินให้กับกลุ่มบุคคลสัญชาติเมียนมา จำนวน 2 บัญชี ซึ่งทำการตรวจสอบแล้วพบว่า มีการรับโอนเงิน จากบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งที่ถูกจับกุมและยังไม่ถูกจับกุม จากทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีประมาณ 130 ล้านบาท โดยมีลักษณะการทำธุรกรรมการเงินในการรับโอนเงินจากกลุ่มบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากนั้นจะโอนเงินออกไปให้ยังกลุ่มผู้ประกอบการค้าขายสินค้าต่าง ๆ ทั่วประเทศ กว่า 49 บัญชี มีเงินหมุนเวียจำนวน 10,120,000,000 บาท โดยทุกบัญชีเกี่ยวพันกับคนจีนคือนายเชียงมา ที่ใช้ชื่อไทยว่า”เฮียช้าง” แทบทุกครั้งการธุรกรรมการเงิน เงินหมุนเวียนในบัญชีจะเป็นลักษณะการ สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย และการเหมาซื้อสินค้าจากประเทศไทย ส่งออกไปยังหลายประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศในเอเชีย เป็นการฟอกเงินที่ได้จากการค้าขายยาเสพติดให้เป็นเงินบริสุทธิ์

แก๊งนี้เข้าไปเกี่ยวข้องเกือบทุกธุรกิจที่สามารถฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดให้เป็นเงินบริสุทธิ์ เช่น บริษัทค้าทองคำ บริษัทค้าน้ำมัน บริษัทส่งออกผลไม้ อาหารทะเล ผู้ประกอบการส่งออกปศุสัตว์ เช่นวัว และควาย นอกจากนั้นแก๊งนี้ยังเชือมโยงกับเครือข่ายมันค้ายาเสพติดทุกเม็ดของ ตำรวจภูธรภาค 6 และ ภาค 5 เครือข่ายไอซ์ 500 กิโลกรัม ของ น.ส.จุ๋ม อดีตนางแบบแนวปลุกใจเสือป่า เครือข่ายพระแสงวรรณ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสูงประเทศพม่า เครือข่าย “เจ๊แหม่ม” ตรัง ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดมากถึง 109 คน โดยตั้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดยาเสพติด ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด”

ต่อมาในห้วงระหว่างวันที่ 16 มิ.ย.63 ถึง วันที่ 22 มิ.ย.63 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้บูรณาการร่วมกับ ป.ป.ง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งหมด โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ จำนวน 61 ราย อายัดตัวผู้ต้องหาในเรือนจำ จำนวน 13 ราย และตรวจค้นไม่พบตัวหรือหลบหนี จำนวน 35 ราย พร้อมตรวจยึดสมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่งมาตรวจสอบขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องอีกหลายรายขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่

ส่วนนายเชียงม่า อายุ 45 ปี ชาวจีน หรือเฮียช้าง ตำรวจสามารถจับกุมได้ที่กรุงเทพฯ จากการสอบสวนนายเชียงมา ก็รับสารภาพว่าเป็นผู้บริหารรับโอนเงินจากกลุ่มผู้ค้ายาในประเทศไทย ก่อนจะนำเงินทั้งโอนชำระค่าสินค้า แล้วมีการนำสินค้า ส่งออกไปที่ท่าเรือ ที่เมืองจิ่งหง ประเทศจีน ได้เงินค่าสินค้าที่คู่ค้าจะส่งกลับมาเป็นเงินที่ถูกกฏหมาย โอนผ่านบัญชีแยกเป็นบัญชีของผู้ค้ายาเสพติดโดยตรง บัญชีของคนใกล้ชิดที่เปิดให้ผู้ค้ายาเสพติด เช่น สามี-ภรรยาพ่อ-แม่พี่-น้องญาติ เพื่อนสนิท และบัญชีของบุคคลที่รับจ้างเปิดบัญชีโดยจะได้รับค่าตอบแทนตามที่ตกลงกัน ซึ่งการรับจ้างเปิดบัญชี จะมีการโฆษณาผ่านเว็ป facebook หรือ สื่อโซเชียล ต่าง ๆ จึงอยากเตือนผู้รับจ้างเปิดบัญชีด้วยว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมายในฐานะร่วมขบวนการฟอกเงินด้วย ผบช.ภาค5 กล่าว

นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆแก๊งค้ายาเสพติดที่ตำรวจภาค5 และพันธมิตสามารถทลายและจับกุมได้ เห็นการหมุนเวียนแล้วยอมรับว่าน่าตกใจ ขบวนการค้ายาเสพติดพัฒนาไปไกลมาก ใช้อำนาจเงินที่ได้มาแทรกซึมเข้าไปเกือบทุกวงการ หลายคนทั้งที่มีตำแหน่งใหญ่โตและคนเกือบทุกชนชั้นในสังคมได้ตกเป็นทาสของอำนาจเงินสกปรกนี้เสียผู้เสียคนหลายคนแล้วตามที่เป็นข่าว ยาเสพติดทั้งยาบ้า ยาไอซ์ เฮโรอีน เคตามีน มีโรงงานและแห่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน เขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อย เมื่อผลิตออกมาแล้วก็ลำเลียงเข้ามาพักไว้ตามตะเข็บชายแดน เป็นที่รู้กันดีชายแดนไทย-เมียนมา ภาคเหนือตั้งแต่ จ.ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ยาวกว่า 1,200 กิโลเมตร ภูมิประเทศมีแม่น้ำขวางกั้น ป่าและภูเขา อยากยิ่งแก่เจ้าหน้าที่ไทย ทั้งทหาร ตำรวจ ปปส.จะสกัดกั้นได้หมด และเชื่อว่ายังมีอีกหลายแก๊งที่ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมขณะนี้ และเชื่อแน่ว่าจะถูกกระชากหน้ากากและทลายในที่สุดจากฝีมือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง