กองทุนดีอี BDE ลงพื้นที่เชียงใหม่ จัดกิจกรรม CSR ป่าปลอดภัย เมืองปลอดฝุ่น หนุนชุมชนป้องกันภัยตามธรรมชาติ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
วันนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2568) นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) เป็นประธานเปิดกิจกรรมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (Corporate Social Responsibility : CSR) ภายใต้ชื่อกิจกรรม “DEF Forest Fire Break ป่าปลอดภัย เมืองปลอดฝุ่น” จัดโดยกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี : DEF) ณ ป่าชุมชนบ้านถ้ำเชียงดาว ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ. เชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้บริหารและบุคลากร BDE/DEF เข้าร่วมกิจกรรม โดยมี นายรังสิต พูลศรี หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เชียงดาว นายนิคม พุทธา ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่น้ำปิง ร.อ.วัชรา ธวัชไชย นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน ฉก.ไชยานุภาพ นายคำรณ อินต๊ะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมในพิธีเปิด
ภายในกิจกรรมได้ร่วมกันทำแนวกันไฟ ระนะทาง 2 กิโลเมตร ในเขตพื้นที่ป่าชุมชน จากนั้นได้มอบเงินสนับสนุน พร้อมเครื่องเป๋าลม อุปกรณ์ดับไฟป่า อาหารแห้ง ยารักษาโรคให้กับชุมชน เพื่อใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่และร่วมกันปลูกต้นไม้ สร้างความร่มรื่นให้กับผืนป่า
นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการ ดีอี กล่าวว่า กองทุนดีอี เป็นหน่วยงานภายใต้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ BDE ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดสรรเงินทุน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุนสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อันเป็นประโยชน์ต่อการให้บริการสาธารณะและไม่เป็นการแสวงหากำไร พร้อมกันนี้ในส่วนของบทบาทของการสร้างประโยชน์ต่อสังคม ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่กองทุนฯ ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน
สำหรับการดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการจัดกิจกรรมครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งแรกจัดที่ จ.อุบลราชธานี โดยจัดขึ้นเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของกองทุนฯ ในการทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่มีความรับผิดชอบ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในสังคม การจัดกิจกรรมในวันนี้จึงถือเป็นหนึ่งในความตั้งใจของ กองทุนฯ ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับชุมชน พร้อมกับการตระหนักถึงการป้องกันภัย อันตรายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ทั้งนี้ ในส่วนของกิจกรรมประกอบด้วย จิตอาสาร่วมกันทำแนวกันไฟ ระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร การปลูกต้นไม้เพิ่มเติมให้กับผืนป่า และกองทุนดีอี ยังได้สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำแนวกันไฟ อุปกรณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงทุนสนับสนุนในการดำเนินงานของชุมชน ให้แก่ทางชุมชนบ้านถ้ำเชียงดาว ซึ่งคาดหวังว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
นอกจากนี้ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ถึงนโยบายและพันธกิจของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ที่จะส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ได้นำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและส่วนรวม ซึ่งทุกปีจะมีงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยและการพัฒนาด้านเทคโนโลยีกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถนำเสนอโครงการเพื่อเข้าสู่การพิจารณาสนับสนุนได้
“ผมขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคีเครือข่าย ชาวชุมชนบ้านถ้ำเชียงดาว และชาวอำเภอเชียงดาว รวมถึงเจ้าหน้าที่ของกองทุนฯ และอาสาสมัครทุก ท่านที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนจนกิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นได้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมในวันนี้จะ สร้างประโยชน์และแรงบันดาลใจให้แก่ทุกท่าน และช่วยสานต่อเป้าหมายของกองทุนฯ ในการขับเคลื่อน ประเทศไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ มีความยั่งยืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไปพร้อมกับการดูแลรักษา สิ่งแวดล้อมของประเทศเราไปด้วย”
นายคำรณ อินต๊ะ อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 กล่าวว่า ราษฎรในหมู่บ้านแห่งนี้ มีจำนวน 775 คน 365 ครัวเรือน ป่าชุมชนบ้านถ้ำ พื้นที่ 1,265 ไร่ พื้นที่แนวกันไฟ 4 กม. ในวันนี้ทำก่อน 2 กม. สภาพป่าเป็นป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ชาวบ้านรวมกลุ่มทำป่าชุมชนเริ่มตั้งแต่ปี 64 ช่วงปิดป่าป้องกันไฟป่า ชาวบ้านก็นำป่าชุมชนมาทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว ให้ชาวบ้านเป็นไกด์ เพราะในป่านอกจากพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด ยังมีพืชสมุนไพร มีนก ให้นักท่องเที่ยว ให้ได้ชมด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบวชป่า เพื่ออนุรักษ์ป่าอย่างยั่งยืน