การเมือง-การปกครอง » “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยาหอมรับปากช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือราคาตกต่ำ วางงบ 2พันล้านบาท ไว้เยียวยา พร้อมพิจารณาเปิดประเทศให้พ่อค้าจีนเข้ามารับซื้ออีกทาง

“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยาหอมรับปากช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือราคาตกต่ำ วางงบ 2พันล้านบาท ไว้เยียวยา พร้อมพิจารณาเปิดประเทศให้พ่อค้าจีนเข้ามารับซื้ออีกทาง

6 สิงหาคม 2020
1260   0

Social Share

14.00 น.วันที่ 6 ส.ค. 63 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะได้เดินทางมาประชุมติดตามการดำเนินงานด้านสถานการณ์อุทกภัย และความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกลำไย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ เกษตรกร และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและเข้าประชุม ในการประชุมทางด้าน พลเอก ประวิตร ได้มอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด 8 จังหวัดภาคเหนือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในด้านการดูแล ป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ พร้อมการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหลังจากนั้น พลเอก ประวิตรได้เดินทางเข้าพบกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อรับฟังปัญหาและมอบแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร

นายมานพ จินะนา ประธานสภาอาชีพเกษตรกร (สอก.) กล่าวว่าเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือตอนบนและอีก 25 จังหวัดทั่วประเทศไทย ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโรคระบาดร้ายแรงโควิด- 19 (Covid- 19) โดยในฤดูกาลผลิตลำไย ปี 2563 ผลผลิตลำไยได้ออกสู่ตลาดช่วงปลายเดือน มินายน-กลางเดือนกันยาย 2563 ซึ่งช่วงที่ผลผลิตออกมากที่สุดคือเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม นับตั้งแต่เดือนแรกที่ผลผติตลำไยออกสู่ตลาด ราคาผลผลิตลำไยตกต่ำเป็นอย่างมาก ลำไยคุณภาพชนิดกรด AA กิโลกรัมละ 17 บาท เกรด A กิโลกรัมละ 8 บาท เกรด B กิโลกรัมละ 4 บาท ซึ่งราคาซื้อขายลำไยปีนี้ตกต่ำเนื่องด้วยมีปัญหาการส่งออกสินค้าลำไยไปต่างประเทศไม่สามารถส่งออกได้ เนื่องจากมาตรการป้องกันโรคระบาดของทุกประเทศ และปัญหากลไกภายในล้งผู้รับซื้อลำไยกดราคารับซื้อผลผถิตในราคาที่ต่ำเกินจริง ประกอบกับเกษตรกรชาวสวนไยประสบกับปัญหาภัยแล้ง วัสดุอุปกรณ์มีราคาเพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตลำไยคุณภาพมีต้นทุนสูง

กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานราคาจำหน่ายลำไยในปี 2562 ลำไยชนิดเกรด AA ราคากิโลกรัมละ 32-35 บาท และลำไยชนิดกรด A ราคากิโลกรัมละ 23-27 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับราคาจำหน่ายลำไยคุณภาพในระดับเดียวกันของปี 2562 กับผลผลิตลำไยคุณภาพในปี 2563 ราคาจำหน่ายมีมูลค่าลดลงถึงร้อยละ 6 จากปีก่อน ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยประสบกับการขาดทุนและ ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ประกอบกับการพัฒนาผลผลิตลำไยคุณภาพมีต้นทุนที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการปลูกลำไยแบบดั้งเดิม กล่าวคือ ในการผลิตลำไยคุณภาพในปี 2563 ต้นทุนการผลิตต่อไร่มีค่าใข้จ่ายอยู่ที่ 23.61 บาทต่อลำไย 1 กิโลกรัม เมื่อราคาขายผลผลิตลำไยคุณภาพชนิดเกรด AA ขณะนี้ (14 ก.ค. 63) ราคารับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 17 บาทเท่านั้น เป็นสาเหตุทำให้เกษตรกรขาดทุนอย่างรุนแรง จึงจำเป็นที่ต้องขอการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ทั้งนี้ ขอรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีจ่ายเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ไร่ละ 2,000 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นไม่เกิน 1,800 ล้านบาท ให้การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวเกษตรกร จำนวน 196,655 ครอบครัว พื้นที่ปลูกลำไย 1,200,879 ไร่ ผลผลิตลำไยปี 63 จำนวน 1,044,000 ตัน

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับฟังปัญหาของพี่น้องเกษตรกรว่า ผลกระทบจากการส่งออกและการรับซื้อลำไยจากพ่อค้าประเทศจีน รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกลำไย โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตรขับเคลื่อนโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยปี 2563 จำนวน 5 โครงการได้แก่ 1.คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตร ระดับจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ 3 โครงการ คือ โครงการสนับสนุนจุดรวบรวมและคัดคุณภาพลำไยเพื่อกระจายออกนอกแหล่งผลิตปี 2563 โครงการสนับสนุนจุดรวบรวมลำไยสดเพื่อแปรรูปปี 2563 และโครงการแก้ไขปัญหาผลผลิต ผลไม้ออกสู่ตลาดมากในปี 2563 โดยกรมการค้าภายในเป็นผู้ดำเนินการ

รวมถึงแนวทางการชดเชยดอกเบี้ยให้กลุ่มเป้าหมาย ดำเนินการโดยกรมการค้าภายในและ ธกส. จะช่วยกัน พร้อมกับมีการเชื่อมโยงตลาดสินค้าจากห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน ปตท. และตลาดออนไลน์ เป็นการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้า ในเรื่องการชดเชยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรผู้ปลูกลำไย ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยจะเยียวยาให้เกษตรกร ไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกินรายละ 25 ไร่ และขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาในการช่วยเหลือ และขอยืนยันว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือเกษตรกรจนสุดความสามารถ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้นำมาชดเชย แล้วให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเตรียมงบประมาณ 2,000 ล้านบาท ที่เตรียมไว้สำหรับการเยียวยาเกษตรกรในครั้งนี้ ส่วนเรื่องตลาดจีนที่เข้ามาในประเทศไม่ได้ ทางรัฐบาลก็จะพิจารณาให้เข้ามาตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งอาจจะพิจารณาให้เข้ามาในประเทศได้ 3 – 5 วัน ตามกรอบความปลอดภัย เพื่อให้เข้ามารับซื้อผลผลิตลำไย และผลผลิตทางการเกษตรของพี่น้องเกษตรกรได้