ข่าวเด่น » ช้ำใจเสียเงินหลายแสนจ้างบริษัททำวีซ่ากลับไม่ได้บินออสเตรเลียตามฝันโร่แจ้งความขอเงินคืน ด้านบริษัทแจงวีซ่าไม่ผ่านเงินใช้หมดแล้วโดนพิษโควิด19 เล่นงานจึงยังไม่มีคืนให้

ช้ำใจเสียเงินหลายแสนจ้างบริษัททำวีซ่ากลับไม่ได้บินออสเตรเลียตามฝันโร่แจ้งความขอเงินคืน ด้านบริษัทแจงวีซ่าไม่ผ่านเงินใช้หมดแล้วโดนพิษโควิด19 เล่นงานจึงยังไม่มีคืนให้

10 กรกฎาคม 2020
464   0

Social Share

9 ก.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพงษ์ แซ่ฟ่าน อายุ 44 ปี เจ้าของบ้านทะเลหมอก อ.ปง จ.พะเยา ได้พาญาติพี่น้องที่เป็นผู้เสียหายทั้ง 4 คนคือ นายณัฐชานนท์ กิตติคุณธนพัฒน์ อายุ 33ปี นายเลาจง แซ่ห่าง อายุ 34 ปี น.ส.กันตาภา ศาสน์บุญณินท์ อายุ 24ปี และนายพินิจ แซ่พ่าน อายุ 33 ปี เดินทางมาที่ สภ.เชียงคำ จ.พะเยา เพื่อเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่าถูกเจ้าของบริษัทรับทำวีซาแห่งหนึ่งซึ่งอ้างว่าสามารถทำวีซ่าให้ผ่านเข้าต่างประเทศได้ แต่เรื่องดำเนินนานถึง 2 ปี กลับไม่สามารถไปต่างประเทศตามที่ได้ตกลงกันไว้ได้

โดยนายเลาจง ในผู้เสียหายได้เล่าว่า เมื่อปี2561 ตนเองและญาติ ๆ ได้เดินทางมาที่บริษัทรับทำวีซ่าแห่งนี้ตามคำชักชวนของญาติที่อยู่ประเทศออสเตรเลียว่าบริษัทนี้สามารถพาพวกตนเข้าประเทศออสเตรเลียได้ จึงได้พากันมาทำโดยคนที่จะไปมีทั้งหมด 5 คนด้วยกัน เมื่อมาถึงบริษัทเจ้าของบริษัทได้ชี้แจงเรื่องเงินค่าดำเนินการต่าง ๆ โดยจะตกอยู่ที่คนละประมาณ 250,000 – 300,000 บาท ซึ่งจะไม่จ่ายทั้งหมดเลยทีเดียว แต่จะมาขอเบิกเป็นงวด ๆ ไปซึ่งแต่ละงวดจะไม่เท่ากัน บางครั้ง 80,000 บาท บ้าง บางครั้ง 70,000 บาทบ้าง โดยทางเจ้าของบริษัทได้รับประกันว่าหากวีซ่าไม่ผ่านทางบริษัทนี้จะคืนเงินให้เต็มจำนวนทั้งหมด แต่หลังจากนั้นล่วงเลยระยะเวลามา 2 ปี กลับไม่เป็นตามที่พูดคุยกันไว้ โดยเมื่อต้นเดือน ก.พ.63 ที่ผ่านมาพวกตนได้เดินทางมาที่บริษัทแห่งนี้เพื่อติดตามทวงถามเกี่ยวการขอวีซ่าไปประเทศออสเตรเลีย แต่สุดท้ายกลับถูกเจ้าของบริษัทตอบมาเพียงสั้น ๆ ว่า วีซ่าไม่ผ่าน
พวกตนจึงได้ขอเงินคืนแต่ก็ถูกเจ้าของบริษัทบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืน จึงได้มีการมาลงบันทึกประจำวันครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ก.พ.63 ที่ สภ.เชียงคำ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดไกล่เกลี่ยกันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งฝ่ายของบริษัทรับทำวีซ่ายินดีจะชดใช้งวดแรกคืนให้ภายใน 6 เดือนโดยจะครบกำหนดวันที่ 30 มิ.ย.63 ที่ผ่านมาและงวดที่ 2 ภายในเดือน ธ.ค.63 แต่ทางเจ้าของบริษัทขอหักค่าดำเนินการทั้ง 5 คนคนละ 100,000 บาท โดยทุกคนก็ยินยอมให้หัก ซึ่งหลังจากนั้นล่วงเลย 6 เดือนพวกตนยังไม่ได้เงินตามที่ตกลง เมื่อโทรศัพท์ไปทวฃถามกลับได้รับคำตอบเพียงสั่นว่า ยังไม่มีให้ จึงได้สร้างความไม่พอใจให้พวกตนเป็นอย่างมาก เพราะตกลงกันไว้แต่ทำไม่ได้ตามที่พูดมา ทั้งนี้พวกตนทั้งหมดจึงได้เดินทางมาที่ สภ.เชียงคำ อีกครั้งเพื่อขอแจ้งความดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่งกับเจ้าของบริษัทรับทำวีซ่าแห่งนี้

ทางด้านบริษัทรับทำวีซ่าที่ถูกกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความได้กล่าวว่า เวลานี้ตนเองทราบเรื่องราวที่ทางฝ่ายผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เชียงคำ แล้ว แต่ก็อยากให้ฟังทางตนเองบ้าง โดยก่อนหน้านั้นตนเองได้พาผู้เสียหายเหล่านี้ไปดำเนินการตามขั้นตอนของการทำวีซ่าจริงทุกขั้นตอน แต่ในระยะหลัง ๆ ที่ผ่านมา เกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด บริษัทของตนกลับไม่มีงานเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เวลานี้ยังไม่มีเงินคืนผู้เสียหายทั้งหมดนี้ แต่ตนยืนยันว่าบริษัทของตนเองเปิดมาได้ 10 กว่าปีแล้ว ทั้งรับทำวีซ่าและยังรับแปลหนังสือจากต่างประเทศด้วย ซึ่งพักหลังเมื่อเกิดเหตุการณ์โรคระบาด งานไม่มีสถานภาพการเงินขาดสภาพคล่องโดยตนเองก็ยังได้ไปกู้เงินมาจาก ธ.ออมสิน เพื่อมาใช้จ่ายภายในบริษัทของตน ทุกวันนี้ตนเองกินข้างเพียงวันละมื้อและยังค้างจ่ายค่าน้ำค่าไฟอีกต่างหาก ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ตนเองก็อยากขอความเป็นธรรมบ้าง โดยเรื่องราวทั้งหมดนี้ตนเองจะขอไปสู้คดีในชั้นศาลต่อไปพร้อมขอบอกว่าตนเองไม่เคยคิดจะโกงแต่ว่าขณะนี้ไม่มีจริงๆเลยยังไม่ได้คืนเงินให้กับกลุ่มผู้เสียหาย