ข่าวเด่น » รมว.กษ เอาใจพี่น้องชาวเชียงใหม่ สั่งให้กรมชลประทานขยับจากงบปี 70 มาใช้งบเหลือจ่ายปี 68 ขับขึ้นมาอีก 2 ปี เร่งปรับปรุงพนังตลิ่งท้าย ปตร.ป่าแดด แก้ปัญหาน้ำท่วมด้านท้ายเมืองเชียงใหม่

รมว.กษ เอาใจพี่น้องชาวเชียงใหม่ สั่งให้กรมชลประทานขยับจากงบปี 70 มาใช้งบเหลือจ่ายปี 68 ขับขึ้นมาอีก 2 ปี เร่งปรับปรุงพนังตลิ่งท้าย ปตร.ป่าแดด แก้ปัญหาน้ำท่วมด้านท้ายเมืองเชียงใหม่

30 พฤศจิกายน 2024
274   0

Social Share

รมว.กษ เอาใจพี่น้องชาวเชียงใหม่ สั่งให้กรมชลประทานขยับจากงบปี 70 มาใช้งบเหลือจ่ายปี 68 ขับขึ้นมาอีก 2 ปี เร่งปรับปรุงพนังตลิ่งท้าย ปตร.ป่าแดด แก้ปัญหาน้ำท่วมด้านท้ายเมืองเชียงใหม่

วันที่ 30 พ.ย. 67 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำและการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ที่ประตูระบายน้ำป่าแดด ต.ป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ นายสุภรณ์วัฒน์ สุรการ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานลำพูน นายรุ่งปรีชา ปั๋นแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลป่าแดด นางจีรพร หวันแดง นายกเทศมนตรีตำบลหนองหอย พร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ตำบลป่าแดด ตำบลหนองหอย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตำบลแม่แฝก ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดลำพูน ได้เดินทางมาต้อนรับ

นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้รายงานถึงความสำคัญของประตูระบายน้ำป่าแดด และการดำเนินการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง ด้านการป้องกันอุทกภัย ซึ่งได้มีโครงการเร่งด่วนที่เสนอของงบประมาณในคราว ครม.สัญจร จังหวัดเชียงใหม่ คือ มาตรการจัดระบบเตือนภัย จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 65.40 ล้านบาท แบ่งเป็น พัมนาระบบติดตามและเพิ่มประสิทธิภาพ การเตือนภัยพื้นที่ลุ่มน้ำกก จังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 7.40 ล้านบาท , พัฒนาระบบติดตาม และเพิ่มประสิทธิภาพ การเตือนภัยพื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบน วงเงิน 40 ล้านบาท ปรับปรุงห้องปฏิบัติการประมวลผลและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคเหนือตอนบน วงเงิน 3 ล้านบาท และปรับปรุงระบบโทรมาตรทางไกล Scada ประตูระบายน้ำในลำน้ำปิง วงเงิน 15 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีมาตรการป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมือง จำนวน 1 โครงการ วงเงิน 200.269 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงพนังป้องกันตลิ่งด้านท้ายน้ำฝั่งซ้าย ตำบลป่าแดดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ความยาว 370 เมตร พร้อมอาคารประกอบ ปัจจุบันมีแบบก่อสร้างแล้ว ไม่มีปัญหาและอุปสรรคด้านพื้นที่ดำเนินการ จากตลิ่งเดิมมีความสูง 3.70 เมตร ทำการก่อปรับปรุงความสูงเพิ่มขึ้นอีก 1.50 เมตร รวมความสูงทั้งหมด 5.20 เมตร ซึ่งสามารถป้องกันอุทกภัยจากน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ด้านท้ายแม่น้ำปิง และมีมาตรการเร่งระบายน้ำ จำนวน 6 โครงการ วงเงิน 317 ล้านบาท ประกอบด้วยประตูระบายน้ำพร้อมโรงสูบน้ำด้วยไฟฟ้า บ้านท่านาค จ.เชียงใหม่ วงเงิน 49 ล้านบาท , ประตูระบายน้ำพร้อมโรงสูบน้ำด้วยไฟฟ้า บ้านป่ากล้วย จ.เชียงใหม่ วงเงิน 68 ล้านบาท , ปรับปรุงสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าร้องเสือเต้น จ.ลำพูน วงเงิน 49 ล้านบาท , ปรับปรุงสถานสูบน้ำด้วยไฟฟ้าสบปะ จ.ลำพูน วงเงิน 45 ล้านบาท , ปรับปรุงสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าล้องพะปวน จ.ลำพูน วงเงิน 68 ล้านบาท และมีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของนน้ำ จำนวน 1 โครงการ วงเงิน 40 ล้านบาท เป็นการปรับปรุงอาคารป้องกันตลิ่งท้ายอาคารเหมืองร้อง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มาตรการช่วยเหลือฟื้นฟู จำนวน 1 โครงการ วงเงิน 49.184 ล้านบาท ทำการจัดซื้อเครื่องจักร เครื่องมือ ยานพาหนะ จำนวน 13 รายการ เช่น รถบรรทุก รถขุดตีนตะขาบ รถตักหน้าขุดหลัง รถฟาร์มแทรกเตอร์ ฯลฯ

ภายหลังจากที่รับฟังรายงานสรุปข้อมูลแล้ว ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าพบปะกับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพุน ที่มาต้อนรับ และให้ประชาชนได้เสนอความต้องการ ซึ่งภาพรวมก็ต้องการให้มีการขุดลอกลำน้ำปิง เร่งการระบายน้ำในแม่น้ำปิงไปยังท้ายน้ำ มีการเสริมตลิ่งด้านท้ายน้ำปิง ซึ่งอยู่ด้านหลังประตูระบายน้ำป่าแดด โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันอุทกภัย

ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน และผู้บริหารของกรมชลประทาน สำนักงานชลประทานที่ 1 โครงการชลประทานเชียงใหม่ เร่งดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จากเดิมได้เสนอของบประมาณในปี 2570 แต่ทางชาวบ้านอยากให้ดำเนินการก่อสร้างโดยเร็ว จึงให้ใช้งบเหลือจ่ายปี 68/69 เร่งดำเนินการก่อสร้างตามแผนให้เร็วที่สุด ซึ่งภายหลังจากที่มีการสั่งการดังกล่าว ทำให้กลุ่มชาวบ้านที่มาร่วมต้อนรับดีใจ เพราะจะได้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ทั้งตัวเมืองเชียงใหม่ และในพื้นที่ด้านท้ายน้ำของจังหวัดเชียงใหม่ได้